วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ละครหลังข่าว Soap opera
มัวแต่ดู ละครหลังข่าว นึกอะไรไม่ออกแล้วคืนนี้ นอกจาก
Soap opera = ละครทีวี / ละครหลังข่าว หรือที่เราเรียกละครน้ำเน่านั่นเอง :D
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ฟรี ภาษาอังกฤษ,
เรียน online ฟรี,
สอนอังกฤษ,
อังกฤษ เรียน,
dream sweet
How was...? ต่างๆ
How was + noun/noun phrase ..... ใช้ถามเมื่ออยากรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ดีไม่ดี มีอะไรมั้ย เช่น
How was your first day at school? (ไปเรียนวันแรกเป็นไงบ้าง)
How was the movie? (ไปดูหนังมาเป็นไงบ้าง)
How was your day? (วันนี้เจออะไรมาบ้าง)
How was my pie? (พายของฉันรสได้เรื่องมั้ย)
ป้ายกำกับ:
ฟรี ภาษาอังกฤษ,
เรียน online ฟรี,
สอนอังกฤษ,
อังกฤษ เรียน,
dream sweet
วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
หนังผีตอนดึก Ghost
นอนดู หนังผี อยู่หรือเปล่าาา
Seance = พิธีที่พยายามติดต่อกับวิญญาณ (อ่านว่า เซ-อ็องซ์) (รากศัพท์จากภาษาฝรั่งเศส)
Ghost = ผี
Spirit / soul = จิตวิญญาณ / วิญญาณ
Belief = ความเชื่อ
Force = พลังงาน
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ภาษาอังกฤษ,
เรียนต่อออสเตรเลีย,
เรียน grammar,
ghost,
good night
Present Simple ใช้เมื่อไหร่
Q:Present Simple ใช้เมื่อไหร่?
A: ต้องบอกก่อนว่า อย่าเข้าใจผิดว่า present simple หมายถึงปัจจุบันอย่างเดียว เพราะความจริงแล้วมันมีผลถึงทุกเวลาบนเส้นเวลาของเรา เช่นเราบอกว่า ไฟร้อน Fire is hot. เมื่อร้อยปีที่แล้วมันร้อน วันนี้มันก็ยังร้อน อีกร้อยปีข้างหน้ามันก็น่าจะยังร้อนอยู่ (พอเห็นภาพนะ) สรุปการใช้ แบ่งเป็น 2 กรณีใหญ่ๆ คือ
1. ใช้กับสิ่งที่เป็นความจริง/ความจริงทางธรรมชาติ/ความจริงทางวิทยาศาสตร์ ฯลฯ
เช่น The sun rises in the east. (พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก) ---> [จะเมื่อวาน วันนี้ หรือ พรุ่งนี้ มันก็ขึ้นทิศตะวันออก ไม่ใช่ว่าขึ้นวันนี้วันเดียว]
2. ใช้กับอะไรก็ตามที่เราทำเป็นประจำ ทำเป็นนิสัย เช่น
I walk to school. (ฉันเดินไปโรงเรียน) กรณีนี้ ถึงเราจะไม่ได้เดินไปเรียนทุกวัน และบางวันอาจมีคนขับรถไปส่ง แต่โดยปกติคือเราเดินเป็นประจำ ก็ใช้ tense นี้ได้ :D
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ภาษาอังกฤษ,
เรียนต่อออสเตรเลีย,
เรียน grammar,
Present Simple
วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555
เตรียมตัวเข้านอน go to bed
ละครจบ เตรียมตัวเข้านอน
go to bed / sleep = นอน เข้านอน
rise / wake up / get up = ตื่นนอน ลุกจากที่นอน
late at night = ดึก
Don't sleep too late at night, and rise early to school. (อย่านอนดึกมากนะ แล้วก็ตื่นเช้าๆไปเรียน :)
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
go to bed / sleep = นอน เข้านอน
rise / wake up / get up = ตื่นนอน ลุกจากที่นอน
late at night = ดึก
Don't sleep too late at night, and rise early to school. (อย่านอนดึกมากนะ แล้วก็ตื่นเช้าๆไปเรียน :)
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ภาษาอังกฤษ,
เรียนต่อออสเตรเลีย,
เรียน conversation,
go to bed
ไปโรงเรียน "School"
อรุณสวัสดิ์ครับ :) หลายๆคนคงต้องไปโรงเรียน,วิทยาลัยไม่ก้อมหาวิทยาลัย
School คือ โรงเรียน และยังสามารถหมายถึง คณะ หรือ วิทยาลัย หรือสถานที่ที่มีการเรียนการสอน
--> School of Arts / Dancing school นอกจากนี้
School ยังทำหน้าที่เป็น กริยา ได้ด้วยนะ จะมีความหมายว่า ได้รับการศึกษา/เรียน เช่น
He was born and schooled in London. (เขาเกิดและเรียนที่ลอนดอน) และอีกความหมายหนึ่งของ school ก็คือ ฝูงปลา หรือ ฝูงสัตว์น้ำ นั่นเอง :D -----> a school of fish (ฝูงปลา 1 ฝูง)
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ภาษาอังกฤษ,
เรียนต่อออสเตรเลีย,
เรียน grammar,
โรงเรียน,
school
วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
คำถามก่อนนอน "เดินทางโดยสวัสดิภาพ"
Q:อยากทราบว่าการบอกว่าให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ มันพูดได้กี่แบบคะ :)
A:ที่นิยมกันก็คือใช้ทับศัพท์ภาษาฝรั่งเศสว่า Bon Voyage (เห็นบ่อยข้างถนนป้ายสีฟ้าๆ) หรือไม่ก็ Have a safe trip. หรือจะบอกให้เจาะจงลงไปเช่น Drive home safely. (ขับรถกลับบ้านอย่างปลอดภัยนะ) ประมาณนั้น ซึ่งหลักในการอวยพรจริงๆใช้ประโยคหากินว่า "Have + a + adj. + noun" ได้เลย เช่น Have a nice day. / Have a wonderful time. เป็นต้นครับผม
Q:อยากทราบการออกเสียงของคำว่า Bon Voyage ค่ะ
A:บอน วอย ยาจ ครับ:)
Credit: https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ภาษาอังกฤษ,
เรียน conversation,
เรียน grammar,
bon voyage
Silence ความเงียบ
Silent = เงียบ (adjective)
Silence = ความเงียบ (noun)
Silently = อย่างเงียบๆ (adverb)
Break the silence = ทำลายความเงียบ (สำนวน)
The house was filled with silence. (บ้านมีแต่ความเงียบ)
He was so silent. He didn't speak a word. (เขาเงียบมาก เขาไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว)
They were staring at each other's eyes in complete silence. Then all of a sudden the alarm went off and broke the silence. (พวกเขามองตากันท่ามกลางความเงียบสนิท ทันใดนั้น เสียงสัญญาณเตือนก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบจนสิ้น)
He silently walked into the silent room. (เขาเดินอย่างเงียบๆ เข้าไปในห้องที่เงียบสนิท)
ป้ายกำกับ:
ความเงียบ,
ความหมาย,
ภาษาอังกฤษ,
เรียนต่อออสเตรเลีย,
Silent
วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555
Sweet dreams ฝันดี:)
เวลาจะบอกใครว่า ให้ฝันดี พูดว่า "Sweet dreams"
- มี s เสมอนะ :) ฝันดีหลายๆครั้ง
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
- มี s เสมอนะ :) ฝันดีหลายๆครั้ง
ป้ายกำกับ:
ฝันดี,
เรียนต่อออสเตรเลีย,
เรียน conversation,
เรียน grammar,
conversation,
sleep,
Sweet dreams
Phrasal verb กินข้าวที่บ้าน
Phrasal verb นำไปใช้ได้
1. dine in / eat in: กินข้าวที่บ้าน
2. dine out / eat out : กินข้าวนอกบ้าน
I'm eating inside my house tonight. (อย่าพูดแบบนี้ มันตลก)
I'm eating in tonight. (พูดได้เลย ฝรั่งรู้เรื่อง) [ฉันจะกินข้าวที่บ้านคืนนี้]
Let's eat out ! [กินข้าวนอกบ้านกันเถอะ!] :)
1. dine in / eat in: กินข้าวที่บ้าน
2. dine out / eat out : กินข้าวนอกบ้าน
I'm eating inside my house tonight. (อย่าพูดแบบนี้ มันตลก)
I'm eating in tonight. (พูดได้เลย ฝรั่งรู้เรื่อง) [ฉันจะกินข้าวที่บ้านคืนนี้]
Let's eat out ! [กินข้าวนอกบ้านกันเถอะ!] :)
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ภาษาอังกฤษ,
เรียน conversation,
เรียน grammar,
Common Expression,
conversation,
dine in,
eat in,
eat out,
Phrasal verb
วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555
Good night/evening ตอน2ทุ่ม
เวลา 2 ทุ่มแบบนี้อย่าทักทายฝรั่งว่า Good Night ล่ะ
ให้ใช้ Good evening ได้จนกว่าจะเช้า
Good night เอาไว้กล่าวลา หรือ ลาเข้านอน ! :)
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ให้ใช้ Good evening ได้จนกว่าจะเช้า
Good night เอาไว้กล่าวลา หรือ ลาเข้านอน ! :)
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ภาษาอังกฤษ,
conversation,
good evening,
good night
Common Expression "on/in the way"
[Common Expression]
on the way/on my way กำลังไป
in the way ขวางทาง
by the way (ใช้เมื่อต้องการเปลี่ยนเรื่องพูด อารมณ์ประมาณ "เออๆ แล้ว...." เช่น
I'm on my way. ฉันกำลังไป (กำลังเดินทาง
I'll be on my way this evening. ฉันจะออกเดินทางเย็นนี้
I can't walk when you're standing in my way! ฉันเดินไปไม่ได้ถ้าคุณมายืนขวางอยู่แบบนี้
We are leaving tomorrow morning, so get ready. Oh, and by the way, you knew Sam is coming with us, right? เราจะไปพรุ่งนี้เช้านะเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ เออแล้วนี่รู้แล้วใช่มั้ยว่าแซมจะไปด้วยน่ะ
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
on the way/on my way กำลังไป
in the way ขวางทาง
by the way (ใช้เมื่อต้องการเปลี่ยนเรื่องพูด อารมณ์ประมาณ "เออๆ แล้ว...." เช่น
I'm on my way. ฉันกำลังไป (กำลังเดินทาง
I'll be on my way this evening. ฉันจะออกเดินทางเย็นนี้
I can't walk when you're standing in my way! ฉันเดินไปไม่ได้ถ้าคุณมายืนขวางอยู่แบบนี้
We are leaving tomorrow morning, so get ready. Oh, and by the way, you knew Sam is coming with us, right? เราจะไปพรุ่งนี้เช้านะเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ เออแล้วนี่รู้แล้วใช่มั้ยว่าแซมจะไปด้วยน่ะ
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ภาษาอังกฤษ,
เรียน conversation,
Common Expression,
conversation
วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555
คำที่ใช้สับสนบ่อยๆ Beside กับ Besides
[Cofusing Word]
Beside = ข้างๆ
Besides = ยิ่งไปกว่านั้น, นอกจากนี้, ยังไงๆซะ, (ใช้เน้นประเด็น) อีกอย่าง
I sat beside him. (ฉันนั่งข้างๆเขา)
Besides being beautiful, she is nice. (นอกจากจะสวยแล้วเธอยังนิสัยดีด้วย)
The new phone is rather expensive. Besides, I like my old one more. (โทรศัพท์รุ่นใหม่ค่อนข้างแพง แล้วอีกอย่างนะ ฉันก็ชอบเครื่องเก่ามากกว่า)
Beside = ข้างๆ
Besides = ยิ่งไปกว่านั้น, นอกจากนี้, ยังไงๆซะ, (ใช้เน้นประเด็น) อีกอย่าง
I sat beside him. (ฉันนั่งข้างๆเขา)
Besides being beautiful, she is nice. (นอกจากจะสวยแล้วเธอยังนิสัยดีด้วย)
The new phone is rather expensive. Besides, I like my old one more. (โทรศัพท์รุ่นใหม่ค่อนข้างแพง แล้วอีกอย่างนะ ฉันก็ชอบเครื่องเก่ามากกว่า)
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ภาษาอังกฤษ,
เรียน grammar,
beside,
besides
Good morning พูดภาษาอังกฤษ:)
พอพูด Good morning เสร็จแล้ว เราอาจจะเริ่มการทักทายยามเช้าที่อากาศดีๆว่า "It's lovely today, isn't it? " (วันนี้อากาศดีเนอะ)
ถ้ากินข้าวตอนนี้ก็เป็น brunch แล้วนะ คือมันเลย breakfast แต่ยังไม่ถึง lunch มันจึงกลายเป็น brunch :D คำนี้จะใช้เป็นกริยาหรือคำนามก็ได้ เช่น I am brunching. (ฉันกำลังกินบรั้นช์) / I am having my brunch. (ฉันกำลังกินบรั้นช์)
ถ้ากินข้าวตอนนี้ก็เป็น brunch แล้วนะ คือมันเลย breakfast แต่ยังไม่ถึง lunch มันจึงกลายเป็น brunch :D คำนี้จะใช้เป็นกริยาหรือคำนามก็ได้ เช่น I am brunching. (ฉันกำลังกินบรั้นช์) / I am having my brunch. (ฉันกำลังกินบรั้นช์)
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ที่มา,
ภาษาอังกฤษ,
เรียน conversation,
conversation
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555
The Voice ภาษาอังกฤษ
The Voice นอกจากจะแปลว่า "เสียง" เฉยๆแล้ว การใส่ The นำหน้ายังสื่อถึง เสียงที่โดดเด่นหรือเสียงที่สุดยอดมากจนไม่มีใครเสมอเหมือน เช่น Whitney Houston ก็ได้รับการขนานนามว่าเป็น "The Voice" แห่งวงการเพลง :)
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ที่มา,
ภาษาอังกฤษ,
เรียน conversation,
เรียน grammar
Passive Voice 5
[Passive Voice]
5. ถ้าต้องการรักษามารยาท โดยเฉพาะการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ ควรหลีกเลี่ยงการโทษอีกฝ่ายว่าทำอะไรผิด (ถึงเขาจะผิดจริงๆก็ตาม) เช่น แทนที่จะบอกว่า You did not complete the job. (คุณทำงานยังไม่เสร็จ) เราควรบอกว่า The job was not completed. (งานยังไม่เสร็จ) วิธีนี้จะเป็นการหลีกเลี่ยงการโทษอีกฝ่าย เพราะเราบอกเฉยๆว่างานไม่เสร็จ ไม่ได้ระบุว่าใครผิด และทั้งสองฝ่ายก็รู้ๆอยู่แล้วว่าใครผิด และยิ่งหากเราเป็นคนผิดเองด้วยแล้วยิ่งควรใช้ passive voice เลย เช่น แทนที่จะพูดว่า "I haven't sent the document yet. (ผมยังไม่ได้ส่งเอกสารเลย) ให้ใช้ว่า The document hasn't been sent yet. (เอกสารยังไม่ถูกส่ง) เป็นต้น :)
5. ถ้าต้องการรักษามารยาท โดยเฉพาะการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ ควรหลีกเลี่ยงการโทษอีกฝ่ายว่าทำอะไรผิด (ถึงเขาจะผิดจริงๆก็ตาม) เช่น แทนที่จะบอกว่า You did not complete the job. (คุณทำงานยังไม่เสร็จ) เราควรบอกว่า The job was not completed. (งานยังไม่เสร็จ) วิธีนี้จะเป็นการหลีกเลี่ยงการโทษอีกฝ่าย เพราะเราบอกเฉยๆว่างานไม่เสร็จ ไม่ได้ระบุว่าใครผิด และทั้งสองฝ่ายก็รู้ๆอยู่แล้วว่าใครผิด และยิ่งหากเราเป็นคนผิดเองด้วยแล้วยิ่งควรใช้ passive voice เลย เช่น แทนที่จะพูดว่า "I haven't sent the document yet. (ผมยังไม่ได้ส่งเอกสารเลย) ให้ใช้ว่า The document hasn't been sent yet. (เอกสารยังไม่ถูกส่ง) เป็นต้น :)
ป้ายกำกับ:
ภาษาอังกฤษ,
เรียน grammar,
conversation,
Passive Voice,
writing
วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ดินเนอร์ Dinner
คำศัพท์เย็นนี้เสนอ
1. Dine : กิน (นิยมใช้กับมื้อค่ำ/เย็น)
2. Dinner : อาหารค่ำ / อาหารที่จัดเลี้ยงตอนค่ำ
3. Dinning room : ห้องกินข้าว
---> Dinner is ready in the dinning room. Let's dine!
1. Dine : กิน (นิยมใช้กับมื้อค่ำ/เย็น)
2. Dinner : อาหารค่ำ / อาหารที่จัดเลี้ยงตอนค่ำ
3. Dinning room : ห้องกินข้าว
---> Dinner is ready in the dinning room. Let's dine!
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ที่มา,
ภาษาอังกฤษ,
เรียน conversation,
เรียน grammar
Passive Voice 4
[Passive Voice]
4. ถ้ากริยาของประโยคนั้นๆไม่มีกรรมมารองรับ ห้ามทำเป็น passive เด็ดขาดนะ เช่น He was died. ประโยคนี้ผิดแบบสุดๆ เพราะกริยา to die นั้นไม่มีกรรมไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น ประธานเป็นคนตายเอง ไม่ได้ถูกทำให้ตาย จึงต้องอยู่ในรูป active เสมอ คือ He died. เปรียบเทียบกับ กริยา bear, bore, born ซึ่งแปลว่าให้กำเนิด ตัวนี้จะมีกรรมคือคนที่เกิด เราจึงพูดเป็น passive เสมอว่า He was born. ซึ่งถ้าแปลตรงๆก็จะได้ว่า "เขาถูกทำให้เกิด" / กริยาที่ทำ passive ไม่ได้เช่น smile, walk, run, sleep, wake up เป็นต้น :)
4. ถ้ากริยาของประโยคนั้นๆไม่มีกรรมมารองรับ ห้ามทำเป็น passive เด็ดขาดนะ เช่น He was died. ประโยคนี้ผิดแบบสุดๆ เพราะกริยา to die นั้นไม่มีกรรมไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น ประธานเป็นคนตายเอง ไม่ได้ถูกทำให้ตาย จึงต้องอยู่ในรูป active เสมอ คือ He died. เปรียบเทียบกับ กริยา bear, bore, born ซึ่งแปลว่าให้กำเนิด ตัวนี้จะมีกรรมคือคนที่เกิด เราจึงพูดเป็น passive เสมอว่า He was born. ซึ่งถ้าแปลตรงๆก็จะได้ว่า "เขาถูกทำให้เกิด" / กริยาที่ทำ passive ไม่ได้เช่น smile, walk, run, sleep, wake up เป็นต้น :)
ป้ายกำกับ:
ภาษาอังกฤษ,
เรียน grammar,
conversation,
Passive Voice,
writing
วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555
เที่ยงวัน อังกฤษ
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ที่มา,
ภาษาอังกฤษ,
เรียน conversation,
เรียน grammar,
conversation
Passive Voice 3
[Passive Voice]
3. ความเข้าใจผิดของคนไทยส่วนใหญ่คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้ passive ต้องมี by.... เสมอ ซึ่งความเป็นจริงแล้วเราจะใส่ by.... ก็ต่อเมื่อจำเป็นจริงๆ คือถ้าไม่ใส่แล้วใจความประโยคเสียถึงค่อยใส่ เช่น The bank was robbed yesterday. ธนาคารถูกปล้นเมื่อวาน กรณีนี้ ไม่จำเป็น และไม่ควรใส่คำว่า by the robbers เพราะคนฟังสามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่า คนที่มาปล้นก็ต้องเป็นโจรปล้นสิ จึงไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำ - เปรียบเทียบกับประโยคนี้ The bank was robbed by the police. กรณีนี้ จำเป็นมาก ต้องใส่ by... เพราะใครจะไปคิดว่าตำรวจเป็นคนปล้นซะเอง [แต่ถ้าจะเน้นว่าตำรวจปล้น ใช้ active ไปเลยจะเหมาะกว่า คือ The police robbed the bank!] เป็นต้น
Credit: https://www.facebook.com/ENG101BySarit
3. ความเข้าใจผิดของคนไทยส่วนใหญ่คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้ passive ต้องมี by.... เสมอ ซึ่งความเป็นจริงแล้วเราจะใส่ by.... ก็ต่อเมื่อจำเป็นจริงๆ คือถ้าไม่ใส่แล้วใจความประโยคเสียถึงค่อยใส่ เช่น The bank was robbed yesterday. ธนาคารถูกปล้นเมื่อวาน กรณีนี้ ไม่จำเป็น และไม่ควรใส่คำว่า by the robbers เพราะคนฟังสามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่า คนที่มาปล้นก็ต้องเป็นโจรปล้นสิ จึงไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำ - เปรียบเทียบกับประโยคนี้ The bank was robbed by the police. กรณีนี้ จำเป็นมาก ต้องใส่ by... เพราะใครจะไปคิดว่าตำรวจเป็นคนปล้นซะเอง [แต่ถ้าจะเน้นว่าตำรวจปล้น ใช้ active ไปเลยจะเหมาะกว่า คือ The police robbed the bank!] เป็นต้น
ป้ายกำกับ:
ภาษาอังกฤษ,
เรียน grammar,
conversation,
Passive Voice,
writing
วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555
Tight = แน่น สนิท
Tight = แน่น สนิท
This shirt is too tight! (เสื้อตัวนี้แน่นเกินไป)
Sleep tight! (หลับให้สนิทนะ)
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
This shirt is too tight! (เสื้อตัวนี้แน่นเกินไป)
Sleep tight! (หลับให้สนิทนะ)
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
แน่น สนิท,
ภาษาอังกฤษ,
เรียน conversation,
conversation,
good evening,
good night,
Tight
Passive Voice 2
[Passive Voice]
2. ใช้เมื่อต้องการให้ตัวขึ้นต้นประโยคมันต่อเนื่องกัน เช่น "Castle ABC is over a hundred years old. Sir Martin built it in 1899." จะเห็นว่าสองประโยคนี้ขาด "ความลื่นไหลของภาษา" (Flow of language) เพราะประโยคแรกเอาปราสาทเป็นประธาน แต่ประโยคที่สองดันกลายเป็นกรรมเวลาฝรั่งอ่านจะรู้สึกติดๆขัดๆ ให้แก้เป็น "Castle ABC is over a hundred years old. It was built in 1899." สังเกตว่าพอปรับประโยคที่สองเป็น passive voice ภาษาจะลื่นไหลมากขึ้น เพราะประธานของทั้งสองประโยคเป็นตัวเดียวกัน เวลาอ่านจะไม่รู้สึกติดขัด :)
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
2. ใช้เมื่อต้องการให้ตัวขึ้นต้นประโยคมันต่อเนื่องกัน เช่น "Castle ABC is over a hundred years old. Sir Martin built it in 1899." จะเห็นว่าสองประโยคนี้ขาด "ความลื่นไหลของภาษา" (Flow of language) เพราะประโยคแรกเอาปราสาทเป็นประธาน แต่ประโยคที่สองดันกลายเป็นกรรมเวลาฝรั่งอ่านจะรู้สึกติดๆขัดๆ ให้แก้เป็น "Castle ABC is over a hundred years old. It was built in 1899." สังเกตว่าพอปรับประโยคที่สองเป็น passive voice ภาษาจะลื่นไหลมากขึ้น เพราะประธานของทั้งสองประโยคเป็นตัวเดียวกัน เวลาอ่านจะไม่รู้สึกติดขัด :)
Credit:https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ภาษาอังกฤษ,
เรียน grammar,
conversation,
Passive Voice,
writing
วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555
Passive Voice 1
[Passive Voice]
1. ใช้เมื่ออยากเน้นไปที่ผู้ถูกกระทำ หรือ อยากเน้นว่า "อะไรเกิดขึ้น", โดยไม่สนใจว่า "ใครทำ"
เช่น The interest was increased! [ดอกเบี้ยถูกปรับขึ้น] - กรณีนี้ตื่นตกใจอย่างเดียว ว่าดอกเบี้ยแพงขึ้น ไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนปรับขึ้น โดยถ้าจะบอกว่า ธนาคารเป็นคนปรับขึ้นให้ใช้ Active Voice จะเหมาะกว่า
1. ใช้เมื่ออยากเน้นไปที่ผู้ถูกกระทำ หรือ อยากเน้นว่า "อะไรเกิดขึ้น", โดยไม่สนใจว่า "ใครทำ"
เช่น The interest was increased! [ดอกเบี้ยถูกปรับขึ้น] - กรณีนี้ตื่นตกใจอย่างเดียว ว่าดอกเบี้ยแพงขึ้น ไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนปรับขึ้น โดยถ้าจะบอกว่า ธนาคารเป็นคนปรับขึ้นให้ใช้ Active Voice จะเหมาะกว่า
ป้ายกำกับ:
ภาษาอังกฤษ,
เรียนต่อออสเตรเลีย,
เรียน conversation,
เรียน grammar,
Passive Voice,
writing
ที่มา ความหมาย Emoticon
Emoticon เป็นคำที่เกิดจากการเอา Emotion + Icon เป็นกระบวนการทางภาษาที่เรียกว่า "Blending"
- แปลว่า ไอคอนแสดงอารมณ์
จุดประสงค์แรกในการใช้ Emoticon (หรือ Smiley) คือจะสื่อว่าประโยคใดก็ตามที่นำหน้าหรือตามหลังเจ้าหน้ายิ้มนั้นเป็นเรื่องขำขัน ห้ามจริงจัง !
ที่มา https://www.facebook.com/ENG101BySarit
ป้ายกำกับ:
ความหมาย,
ที่มา,
ภาษาอังกฤษ,
เรียนต่อออสเตรเลีย,
เรียน conversation,
เรียน grammar,
writing
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)