วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

มาดูการใช้งานคำว่า even กันนะครับ(1)


ต้องบอกก่อนว่าคำนี้เป็นได้ทั้งadverb และ adjective ขึ้นอยู่กับการใช้งานนะครับ

** 1. (adv ขยายอนุประโยค) ใช้เพื่อแสดงความประหลาดใจของผู้พูด หรือ พูดเพราะคาดว่าคนฟังเองก็ต้องประหลาดใจกับเรา หรือที่เราชอบพูดกันในภาษาไทยว่า "ขนาด...ยัง....เลย" เช่น

- Everyone likes the new manager, even John does. (ขยาย John does) = "ใครๆก็ชอบผู้จัดการคนใหม่ ขนาดจอห์นยังชอบเลย" - กรณีนี้คือเป็นที่เข้าใจระหว่างคนพูดและคนฟังว่า จอห์นเป็นคนที่ชอบคนยากมาก

** 2. (adv ขยาย adj) ใช้เพื่อเน้นสิ่งที่เราพูด เน้นใจความให้หนักกว่าเดิม เช่น

- It's even hotter than last year. = นี่มันร้อนกว่าปีที่แล้วเยอะเลยนะเนี่ย ! (มันจะหนักกว่าการที่เราพูดว่า It's hotter than...)

- The new flavor tastes even worse. = รสใหม่มันห่วยกว่าเดิมอีก (คือห่วยมากๆ)

I like him even more. = ฉันชอบเขายิ่งกว่าเดิมอีก (ยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า)

** 3. (adv ขยาย verb) ใช้แสดงความโกรธ ความไม่พอใจ เคือง (ภาษาไทยประมาณว่า ......ด้วยซ้ำ!) ใช้กับประโยคปฏิเสธ

- I waited for two hours and he didn't even show up! = ฉันรออยู่ตั้ง สอง ชั่วโมงแต่เขาก็ไม่โผล่หัวมาด้วยซ้ำ !

- I don't even know what he was talking about! = ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเขาพูดเรื่องอะไร

** 4. ใช้กับประโยคคำสั่ง ให้ความหมายประมาณว่า ....อย่าแม้แต่จะ... เช่น (ใช้กับ don't)

- Don't even think about it! อย่าแม้แต่จะคิดนะ

- Don't even bother. อย่าแม้แต่จะไปยุ่งเลย (อย่าไปยุ่งเลย)



** 5. (adj) เรียบ / (พื้น)เสมอ ใช้กับสิ่งที่เป็นพื้นผิว

- The floor was even. = พื้นมันเท่ากัน (คือพื้นไม่เอียงนั่นเอง)

** 6. เท่าๆกัน / เสมอ

- There's an even chance whether or not it will rain. = มีโอกาสที่ฝนจะตกหรือไม่ตกเท่าๆกัน

- The result was an even score. = ผลออกมาด้วยคะแนนเสมอกัน

** 7. even number = เลขคู่ / odd number = เลขคี่

- - ประมาณนั้นนะครับ คำว่า even - โพสท์หน้า มาดูที่ไม่ใช่ even เฉยๆกันครับ :)

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

No VS Not

ทั้งสองตัวมีความหมายเหมือนกันแหละครับ มันทำหน้าที่ negate หรือปฏิเสธ ทั้งคู่ แต่การใช้จะต่างกันเล็กน้อย --> ตามสูตรนี้เลยครับ No negates nouns, Not negate verbs
--> No ใช้บอกปริมาณของคำนามว่า "ไม่มี" เช่น
There is no pen left. ไม่มีปากกาเหลือแล้ว (pen=noun)
I have no time. ฉันไม่มีเวลา (time=noun)
--> No ยังใช้เป็นการปฏิเสธโดยทั่วไป จะปฏิเสธอะไร หรือ ใครถามอะไรแล้วจะบอกว่า ไม่ ก็ใช้ no ไปเลย
Do you want to come? /No
--> Not เอาไว้ปฏิเสธกริยา ครับ
I cannot go. ฉันไปไม่ได้ (not ไปปฏิเสธ can ซึ่งไปปฏิเสธ verb to go อีกทอดนึง)
They will not come. พวกเขาจะไม่มา



-->***** สังเกตประโยคต่อไปนี้ครับ *****
1.) I like coffee, but not cream. ถามว่า ทำไมไม่ใช้ no ในเมื่อ cream เป็นคำนาม?? คำตอบคือประโยคนี้ คำว่า not ไม่ได้ไปขยาย cream ครับ แต่มันมาแทนที่วลีที่หายไป คือประโยคนี้เวลาพูดเต็มๆมันควรจะเป็น I like coffee, but I do not like cream. จะเห็นว่า not มันไปช่วย do ในการปฏิเสธกริยา to like นะครับ แต่สาเหตุที่เวลาเขียนจริงๆเราใช้แบบสั้นๆเพราะว่า ถ้าเขียนเต็มๆมันจะซ้ำซากเกินไป ในเมื่อครึ่งแรกมันมี like ครึ่งหลังก็เป็น like เหมือนกัน จึงไม่จำเป็นต้องเขียนซ้ำ พอเห็นภาพมั้ยครับ ^^ ประโยคต่อไป
2.) A: Do you want to come?
B: "No", I do "not" want to.
A: Why "not"?

คำว่า no ตัวแรก คือการปฏิเสธ ทั่วไป เวลาพูด พูดแค่ no ก็ได้ เข้าใจแล้ว แต่ถ้าเวลาเขียนอยากเขียนต่อให้สมบูรณ์ ก็สามารถต่อไปได้อย่างในตัวอย่างนะครับ - not ในตัวอย่าง ไปปฏิเสธ verb to come. ส่วนคำถามสุดท้ายที่ถามว่า Why not? ถ้าแปลตรงตัวมันก็คือ "ทำไมไม่" ผู้พูดทั้งสองก็คงเข้าใจกันเองอ่ะนะครับว่าจริงๆคำถามมันคือ "ทำไมไม่ไป" นั่นเอง. ดังนั้นถ้าเขียนเต็มๆก็จะได้ว่า Why don't you come? นั่นเองครับ - โพสท์นี้ภาษางงๆนะครับ ^^"

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เรื่องการใช้ either และ neither



- ผมสรุปให้ง่ายๆ 4 ข้อตามนี้นะครับ
1.) ใช้ในประโยคที่ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยจะใช้คู่กับคำว่า or
> We have to choose either John or Joe. (เราต้องเลือกคนใดคนหนึ่งระหว่างจอห์นกับโจ)
> Either you or me have to go. (ไม่คุณก็ฉันแหละที่ต้องไป)
---
2.) ใช้ในประโยค "ปฏิเสธ" โดยให้ความหมายว่า "เช่นกัน"
> I don't smoke and my father doesn't either. (ฉันไม่สูบบุหรี่ พ่อของฉันก็ไม่สูบเช่นกัน)
> I have not seen Jim for a long time. (ฉันไม่ได้เจอจิมมานานมากแล้ว)
> I haven't either. (ฉันก็เช่นกัน = คือไม่ได้เจอจิมมานานแล้วเช่นกัน)
---
3.) ใช้ในการพูดถึงตัวเลือก ซึ่งจะให้ความหมายเหมือนกับการพูดว่า "อันไหนก็ได้" หรือ "ได้ทั้งคู่" ซึ่งไม่ว่าจะพูดถึงอะไรก็ตาม either จะสื่อถึงแค่ 2 สิ่งเท่านั้น ไม่ขาดไม่เกิน เช่น
> Either book will do. They are both good. (หนังสือเล่มไหนก็ได้ มันดีทั้งสองเล่ม) **กรณีใช้ either แบบนี้ จะหมายความว่ามีหนังสือแค่ 2 เล่ม
> Do you want tea or coffee? (คูณจะรับชาหรือกาแฟ)
> Either (อะไรก็ได้เอามาเห๊อะ ประมาณนั้น ^^)
---


4.) สุดท้ายไม่มีอะไรซับซ้อนครับ คือใช้แทนคำว่า both (ทั้งคู่) เลย
> The cats were playing on either side of me. (แมวเล่นอยู่ทั้งสองข้างของตัวฉัน) = The cats were playing on both sides of me.
--- *****ข้อสังเกต***** either ใช้สื่อถึง 2 สิ่งก็จริง แต่คำนามที่ตามหลัง either จะอยู่ในรูปเอกพจน์นะครับ ^^ และถึงแม้จะใช้แทนคำว่า both ในกรณีที่ 4, ให้สังเกตว่าหลัง both จะเป็นพหูพจน์นะครับ ไม่มีเหตุผลครับ ภาษานี้แล้วแต่อารมณ์ครับ :D เช่น
> either way / both ways ------->
---
ส่วนคำว่า neither คือ "ไม่ทั้งคู่" อาจใช้คู่กับ "nor" เมื่อเราต้องการพูดชื่อของทั้งสองสิ่งออกมา แต่ถ้าจะพูดแค่ว่า "ไม่ทั้งคู่" neither คำเดียวก็พอครับ ดูตัวอย่างตามนี้ครับ
> I speak neither Italian nor German. (ฉันพูดไม่ได้ทั้งภาษาอิตาเลี่ยนและเยอรมัน)
> Can you speak German or Italian? (คุณพูดภาษาอิตาเลี่ยนหรือเยอรมันได้มั้ย)
> I can speak neither language. (ฉันพูดไม่ได้ทั้งสองภาษา) หรือจะตอบสั้นๆว่า Neither ก็ถูกนะครับ (**คำนามที่ตามหลังเป็นเอกพจน์เหมือนกรณี either เลยนะครับ)
----***** ข้อควรระวังของ neither คือ คำคำนี้เป็นปฏิเสธอยู่แล้วในตัวนะครับ ดังนั้นในประโยคจะเป็นปฏิเสธไม่ได้นะครับ ถ้าจะให้ประโยคเป็นปฏิเสธ ให้ใช้ either ครับ เช่น
> I don't speak either language. (ถูกแบบมึนๆ) (ฉันพูดไม่ได้ทั้งสองภาษา)
> I speak neither language. (ถูกกว่าข้างบน) (ฉันพูดไม่ได้ทั้งสองภาษา)
> I speak either language. (ถูก) (ฉันพูดได้ทั้งสองภาษา หรือ ฉันพูดภาษาไหนก็ได้ (จากตัวเลือก) )
> I don't speak neither language. (ผิดแบบไม่มีคำแปล ^^)



ผมทำแบบฝึกหัดเรื่อง Either กับ Neither มาให้ครับ เผื่อใครสนใจก็ลองเอาไปฝึกทำได้นะครับ (ไฟล์แรกที่ทำ ต่อไปนี้จะพยายามมีแบบฝึกหัดให้สามารถโหลดเอาไปฝึกทำได้เรื่อยๆนะครับ) ^^ มีข้อเสนอแนะยังไงก็บอกได้เลยครับ


วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คำว่า very แปลว่าอะไรได้บ้าง?


คำว่า very แปลว่าอะไรได้บ้าง?


1.มาก = It's very hot. มันร้อนมาก

2.สุดๆ ที่สุด = The very best of ... ที่ดีที่สุดของ ... / ...ที่ดีสุดๆของ....

3.(ใช้เพื่อเน้นคำนั้นๆ) I saw it with my very eyes.(ฉันเห็นกับตาเลยนะ(คือเน้นจริงๆว่าตาคู่นี้))



ตัวอย่างเพิ่มเติม
I was standing at the very end of the line. ฉันยืนอยู่ท้ายสุดของแถว (คือความรู้สึกมันหนักกว่าที่เราพูดว่า at the end of the line)

On that very day (ในวันนั้น (มันหนักกว้า on that day)) คือประมาณว่า วันนั้นอ่ะ วันนั้นจริงๆ

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Will VS Shall


--> ทั้ง will และ shall ง่ายๆคือใช้บอกอนาคต
ในการพูดถึงอนาคตแบบปกติ shall จะใช้เฉพาะกับสรรพนามบุรุษที่ 1 (คือ I, we นั่นเอง) (ตามกฎดั้งเดิม)
I shall go. ฉันจะไป
He will go. เขาจะไป


*** แต่หลายครั้งเราอาจเคยได้ยินจากหนังฝรั่งหลายๆเรื่อง ที่ shall ไม่ได้ใช้พูดกับ I, we. เช่น ประโยคเด็ดของ Gandalf ใน Lord of the Rings ภาค 1 ที่หลายๆคนฟังกันติดหู อย่าง "You shall not pass!" - คำถามคือทำไมใช้ you shall? ขอตอบง่ายๆว่า shall ในที่นี้ไม่ได้แสดงอนาคตครับ แต่เป็นการแสดงถึงคำสั่ง คำสั่งแบบสั่งจริงๆอ่ะ (ผมอธิบายไม่ถูก ^^") You shall not pass! ไม่ได้แปลว่า คุณจะไม่ผ่าน แต่มันแปลว่า "แกห้ามผ่านโว้ยยยย!" อะไรแบบนั้น พอเห็นภาพนะครับ ^^" *** - ทีนี้มันยังมีการใช้อีกแบบนึงคือ

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สรุป Adjective VS Adverb อีกรอบ

1. adjective ขยายคำนามอย่างเดียว เช่น

the big house [big=adj ขยาย house=noun]

2. adverb ขยาย verb เช่น

She runs quickly. [quickly=adv ขยาย run=verb เป็นการบอกเพิ่มเติมว่า ไม่ได้วิ่งเฉยๆนะ แต่ "วิ่งอย่างเร็ว"]

3. adverb ขยาย adjective เช่น

It was a very big house. [very=adverb ขยาย big=adj. เป็นการขยายความว่า บ้านไม่ได้ใหญ่ธรรมดานะ แต่ บ้านมัน "ใหญ่มาก"]

4. Adverb ขยาย adverb ด้วยกันเอง เช่น

She runs very quickly. [very=adv ขยาย quickly=adv ซึ่งขยาย run=verb อยู่ ขยายกันเป็นทอดๆ - เป็นการบอกว่า ที่ว่าวิ่งเร็วน่ะ ไม่ใช่เร็วธรรมดานะ แต่มัน "เร็วมากๆ"

5. Adverb ขยาย ประโยค เช่น (ส่วนใหญ่เป็นพวก adverb บอกเวลา)

Meanwhile, she was reading. [meanwhile=adv ขยายประโยคที่ว่า she was reading ให้รู้ว่า เหตุการณ์นี้มันกำลังเกิดขึ้นพร้อมกับอีกเหตุการณ์หนึ่งพร้อมๆกัน (meanwhile แปลว่า ในขณะเดียวกัน/หรือ จนกว่าเหตุการณที่คาดเอาไว้จะเกิดขึ้น)

** สรุปอีกรอบ Adjective ขยาย noun, ที่เหลือ Adverb เหมาเกลี้ยง!! ** เวลาเจอข้อสอบพวก error ต่างๆ ให้ระวังดีๆเรื่อง adj VS adv เพราะ เขาชอบหลอกเราโดยการเอาคำสองประเภทนี้ไปขยายคำผิดประเภท :D

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Adjective VS Adverb

"Adj ขยายคำนาม" จำแค่นี้พอ เพราะ "ที่เหลือ adv เหมาหมด"

Adj วางไว้หน้าคำนามที่ขยาย หรือ อยู่หลัง verb to be ส่วน

Adv ไม่มีที่อยู่แน่นอน วิ่งตลอดตัวนี้ แล้วแต่ว่ามันขยายอะไรและวางตรงไหนประโยคจะไพเราะกว่ากัน (ไม่มีกฎ แต่อาศัยการอ่านเยอะๆ เขียนเยอะๆ จนเกิดความเคยชิน แบบว่าพออ่านแล้วรู้อัตโนมัติเลยว่าประโยคมันตลก)


Adjective (big)

The house is big. / It is a big house.

Adverb (always)

I always walk to school. / I walk to school always. / Always, I walk to school. (กรณีนี้ always walk จะดูดีที่สุดนะ :) )